“โฮปเวลล์” ทวงคืนความเป็นธรรม ขอเงินคืน 2.7 หมื่นล้าน ลุยฟ้องคดีอาญา
เมื่อวันที่ 21 มิ.ยคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. ที่โรงแรมอนันตรา สยาม กรุงเทพฯ นายคอลลิน เวียร์ กรรมการผู้จัดการบริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดแถลงข่าว “โฮปเวลล์” ทวงคืนความเป็นธรรม ว่า รู้สึกเสียใจที่ต้องมาอธิบายข้อพิพาทระหว่างโฮปเวลล์ กับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) และกระทรวงคมนาคม ซึ่งตั้งแต่เดือน มี.ค.62 ศาลปกครองสูงสุดได้ตัดสินแล้วว่า คำวินิจฉัยของคณะอนุญาโตตุลาการที่ให้ รฟท. และกระทรวงคมนาคม คืนสู่สถานะเดิม คืนเงินตอบแทน และเงินที่ได้ลงทุนไปแล้วให้แก่โฮปเวลล์ รวม 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปีภายใน 180 วันชอบด้วยกฎหมาย แต่ผ่านมาแล้ว 2 ปี รฟท. และกระทรวงคมนาคม ยังไม่เคารพคำตัดสิน และชดใช้ค่าเสียหายแต่อย่างใด ทั้งนี้นับจากปี 51 ที่คณะอนุญาโตฯ มีคำวินิจฉัยจนถึงปัจจุบัน จำนวนเงิน พร้อมดอกเบี้ยที่ รฟท.ต้องคืน รวมประมาณ 27,000 ล้านบาท
นายคอลลิน กล่าวต่อว่า การที่ รฟท. และกระทรวงคมนาคม ไม่ชดใช้คืนเงินให้ เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ การที่หน่วยงานรัฐไม่เคารพคำตัดสินของศาล จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งไทย และต่างชาติที่จะไม่กล้ามาลงทุนในประเทศไทย ส่วนตัวไม่กล้ามาลงทุนแล้ว ส่วนคนอื่นจะมาลงทุนหรือไม่ก็แล้วแต่ว่าจะตัดสินกันอย่างไร เวลานี้ยังไม่รู้ต้องรอไปอีกกี่ปีกว่าจะได้เงินคืน นับตั้งแต่ปี 51 ที่คณะอนุญาโตฯ มีคำวินิจฉัย ก็เป็นเวลา 14 ปีแล้ว จะให้รอไปอีกนานเท่าไหร่ ยังคงหวังว่าเรื่องนี้จะได้มีการเจรจา และตกลงกันได้ ส่วนที่มองว่าโฮปเวลล์เข้ามาโกงประเทศไทยนั้น ถ้าต้องการเข้ามาโกงจริง โฮปเวลล์คงไม่ลงทุนเงินมหาศาลไปก่อน โดยไม่ได้อะไรจากรัฐบาล
นายสุภัทร ติระชูศักดิ์ ฝ่ายกฎหมายบริษัท โฮปเวลล์ฯ กล่าวว่า ตั้งแต่ศาลปกครองสูงสุดตัดสินยืนตามคณะอนุญาโตฯ เมื่อปี 62 ทางโฮปเวลล์ได้เสนอให้มีการเจรจาร่วมกันกับรัฐบาล และรัฐก็รับข้อเสนอ โดยประชุมร่วมกัน 3 ครั้ง และโฮปเวลล์ยื่นข้อเสนอปรับลดตัวเลขวงเงินที่ต้องคืนให้แก่โฮปเวลล์ในขณะนั้น จากประมาณ 22,000 ล้านบาท เหลือประมาณ 20,000 ล้านบาท แต่ปรากฏว่ารัฐเงียบหายไป จนกระทั่ง รฟท. และกระทรวงคมนาคม มาเปิดคดีฟ้องร้องกันจนถึงปัจจุบัน อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะมีการเปิดโต๊ะเจรจาเรื่องนี้กันใหม่หรือไม่ คงอยู่ที่ภาครัฐ ทางโฮปเวลล์ไม่ขอเปิดโต๊ะเจรจาก่อน ซึ่งที่ผ่านมาเราเปิดโอกาสให้เสมอ แต่รัฐกลับปิดโอกาส และล้มโต๊ะเจรจาเอง อีกทั้งยังมีความพยายามทำให้บริษัท โฮปเวลล์ฯ เป็นโมฆะหรือสิ้นสภาพด้วย
นายสุภัทร กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการจัดตั้งบริษัท โฮปเวลล์ฯ ที่มองว่าเป็นการจัดตั้งไม่ถูกต้องนั้น ยืนยันว่าได้ทำถูกต้องตามกฎหมาย กระทรวงพาณิชย์รับรองโดยมีหนังสือยืนยันกับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจดทะเบียนโดยชอบ อีกทั้ง รฟท. ก็รับรองให้เมื่อปี 33 ว่าจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทอยู่ในกรอบวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินโครงการนี้ รวมทั้งยังลงนามสัญญาร่วมกัน และรับเงินสัมปทานไปแล้ว แต่พอปี 64 รฟท. กลับบอกว่าจัดตั้งบริษัทฯ ที่ไม่มีตัวตน ซึ่งไม่เป็นธรรมกับโฮปเวลล์ อย่างไรก็ตามแม้ปัจจุบันจะฟ้องพิจารณาคดีกันใหม่ แต่คำตัดสินของคณะอนุญาโตฯ ยังมีผล และยังไม่ถูกเพิกถอน ดังนั้น รฟท. ยังต้องจ่ายเงิน และหากยังไม่จ่ายคืน ดอกเบี้ยก็ยังเดินต่อไปเรื่อยๆ 7.5% ต่อปี หรือวันละ 2.4 ล้านบาท
นายสุภัทร กล่าวอีกว่า ยืนยันว่าบริษัท โฮปเวลล์ฯ ไม่ได้โกงรัฐบาล เพราะเงินลงทุนก่อสร้างเป็นเงินของเราทั้งหมด การออกมาแถลงครั้งนี้เราไม่ได้ออกมากดดันศาล แต่อยากนำเสนอข้อมูลให้ประชาชนเข้าใจ และเราเพียงแค่ขอเงินคืน ที่ผ่านมาระบุกันว่า รัฐบาลเสียค่าโง่นั้น ไม่ถูกต้อง เพราะเป็นเงินของโฮปเวลล์ 100% ไม่ใช่ค่าเสียหายของรัฐ เป็นการกระทำของรัฐที่ไม่ยอมจ่ายเงินคืนเอง ไม่ใช่ค่าโง่ ควรเป็นโฮปเวลล์โดนค่าโง่จากรัฐบาลมากกว่า รวมถึงอนุสาวรีย์ก็อย่าเรียกว่าอนุสาวรีย์โฮปเวลล์ ควรเรียกโฮปเวลล์การรถไฟฯ เพราะเป็นทรัพย์สินของรัฐบาล อย่างไรก็ตามขณะนี้บริษัท โฮปเวลล์ฯ เตรียมใช้สิทธิทางศาล ด้วยการฟ้องคดีอาญา โดยจะฟ้องไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางด้วย เนื่องจากปัจจุบันไม่ได้รับความเป็นธรรม และถูกรังแกเพิ่ม จึงหมดความอดทน ส่วนจะฟ้องใครบ้าง และฟ้องเมื่อใด ขอพิจารณาอีกครั้ง
ด้านนายวัฒนชัย คุ้มสิน วิศวกร บริษัท โฮปเวลล์ฯ กล่าวว่า ในช่วงของการก่อสร้างโครงการ ปัญหาที่ทำให้ไม่สามารถก่อสร้างได้ตามกำหนด เกิดจาก รฟท. ส่งมอบพื้นที่ล่าช้า นอกจากนี้ยังมีปัญหาจุดตัดกับโครงการอื่นอีก 10 จุด ปัญหาเรื่องการอนุมัติแบบล่าช้า และบางส่วนไม่ได้รับการอนุมัติ รวมไปถึงปัญหาเรื่องแนวเขตทางที่ยังไม่ได้มีการแก้ไข จนกระทั่งฝ่ายรัฐบอกเลิกสัญญาสัมปทานก็ยังแก้ไขปัญหาเหล่านี้ไม่หมด โดยบริษัทฯ ยืนยันว่ามีความพร้อมในการก่อสร้าง ได้เตรียมเครื่องจักรขนาดใหญ่เข้าพื้นที่แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้.